ท้องเสียเป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่หลายคนมักละเลยและไม่ให้ความสำคัญ ทั้งที่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่แฝงอยู่ การสังเกตอาการและรู้จักวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การท้องเสียไม่ใช่แค่เรื่องของการถ่ายบ่อยหรือถ่ายเหลวเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดของอาการที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงสาเหตุและความรุนแรงของโรคได้ การเรียนรู้และเข้าใจอาการต่าง ๆ จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหาสุขภาพได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
สัญญาณอันตรายจากอาการท้องเสียที่ไม่ควรละเลย
อาการท้องเสียมีหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน บางอาการอาจหายได้เองภายในไม่กี่วัน แต่บางอาการอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ต้องพบแพทย์โดยด่วน โดยเฉพาะอาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีเลือดปนในอุจจาระ อ่อนเพลียมาก หรือมีไข้สูง ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงอาการท้องเสียที่พบได้บ่อยและควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ
อาการท้องเสีย จาก พญ. แอนน์ ตันติพินธวัตร : สัญญาณเตือนของร่างกายต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากพยาธิสภาพของอวัยวะในช่องท้องที่อยู่ในตำแหน่งที่มีอาการปวดหรืออวัยวะใกล้เคียง
ท้องเสีย 3 วัน ไม่มีไข้ แต่อาการไม่ดีขึ้น
อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเกิน 3 วันโดยไม่มีไข้ อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินอาหาร หรือการแพ้อาหารบางชนิด ควรสังเกตลักษณะอุจจาระและความถี่ในการถ่าย หากมีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และหากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
ปวดท้องบิดเกร็ง เป็นพักๆ มีอาการท้องเสียร่วม
อาการปวดท้องบิดเกร็งเป็นระยะร่วมกับท้องเสียมักเกิดจากการอักเสบของลำไส้ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น อีโคไล หรือซาลโมเนลลา ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน และนม งดการใช้ยาแก้ปวดประเภท NSAIDs เพราะอาจระคายเคืองกระเพาะเพิ่มขึ้น ควรพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ
ท้องเสียเป็นน้ำ มีกลิ่นเหม็นคาวผิดปกติ
อาการท้องเสียเป็นน้ำที่มีกลิ่นเหม็นคาวผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดรุนแรง เช่น Clostridium difficile หรือการติดเชื้อปรสิต ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน และอ่อนเพลียมาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
ท้องเสียเรื้อรังที่อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งลำไส้
อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นเรื้อรังเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ อาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ โดยเฉพาะหากมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลียมาก มีเลือดปนในอุจจาระ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้โดยเร็วที่สุด
7 วิธีบรรเทาอาการท้องเสียด้วยตนเองที่ได้ผล
การรักษาอาการท้องเสียเบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากอาการรุนแรงขึ้นควรรีบพบแพทย์ทันที
- ดื่มน้ำสะอาดและน้ำเกลือแร่ให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และชดเชยแร่ธาตุที่สูญเสียไป
- รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก กล้วยสุก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน นม และผลิตภัณฑ์จากนม
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดการทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ท้องเสียโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เชื้อโรคตกค้างในลำไส้นานขึ้น
- รักษาสุขอนามัย ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับอาการท้องเสียที่ควรรู้
อาการท้องเสียเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยและสามารถเกิดได้กับทุกคน การสังเกตอาการและรู้จักวิธีดูแลตนเองเบื้องต้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
การป้องกันดีกว่าการรักษา การรักษาสุขอนามัยที่ดี เลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุก และดื่มน้ำสะอาด จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการท้องเสีย นอกจากนี้ การสังเกตความผิดปกติของร่างกายและรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการที่น่ากังวล จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหากเกิดเหตุปอดท้องจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ให้ติดต่อสายด่วน เบอร์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อให้รถพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือได้ในทันที